วันอาสารักษาดินแดน
วันอาสารักษาดินแดน อีกหนึ่งวันสำคัญที่ชาวไทยจะร่วมกันรำลึกถึงความกล้าหาญของหน่วยพลเรือนอาสา ผู้เสียสละเพื่อบ้านเมืองทั้งในภาวะปกติและภาวะสงคราม
ที่มาของวันอาสารักษาดินแดน
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2497 ได้มีการออกพระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน โดยให้อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย พระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ ในวัน 10 กุมภาพันธ์ จึงได้มีการกำหนดให้เป็นวันอาสารักษาดินแดนเป็นประจำทุกปี
วันรักษาดินแดนในประเทศไทย
กองอาสารักษาดินแดน หรือ อส. เป็นกำลังกึ่งทหารเพื่อสำรองไว้ช่วยเหลือประชาชนและประเทศชาติ เป็นกำลังสำรองของฝ่ายทหารเมื่อมีการร้องขอทั้งในยามปกติและยามศึกสงคราม โดยการรับสมัครราษฎรที่สมัครใจเข้ามาเป็นสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานกรรมการและผู้บัญชาการโดยตำแหน่ง หลักการสำคัญของกองอาสารักษาดินแดน คือ การจัดเตรียมกองกำลังสำรองไว้ช่วยเหลือประชาชนและประเทศชาติ ทั้งยามปกติและยามสงคราม
เพราะมีรูปแบบและระบบการจัดการที่ชัดเจนมากขึ้น จึงถือเอาวันที่ 1o กุมภาพันธ์ เป็นวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน ซึ่งในปี พ.ศ.2497 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2497 ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2497 เป็นผลให้เกิดกิจการด้านพลเรือนอาสา โดยมอบหมายให้ กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งในสมัยรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงครามได้มีแนวคิดในการจัดตั้งหน่วยพลเรือนอาสา โดยได้ออกพระราชบัญญัติกำหนดหน้าที่คนไทยในเวลารบพ.ศ.2481และพระราชบัญญัติให้อำนาจในการเตรียมการป้องกันประเทศพ.ศ.2484 เพื่อให้การฝึกอบรมคนไทยให้รู้จักหน้าที่ในการป้องกันรักษาประเทศชาติในยามศึกสงคราม
วันที่ใช้จัดกิจกรรม วันอาสารักษาดินแดน
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ถือเป็นวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน ซึ่งเป็นวันที่ใช้ในการจัดงาน
ปฏิทินวันอาสารักษาดินแดน
วันอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2558 ตรงกับ วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2558 / วันอังคาร แรม ๗ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีมะเมีย
วันอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2559 ตรงกับ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 / วันพุธ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีมะแม
วันอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2560 ตรงกับ วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560 / วันศุกร์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีวอก
วันอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2561 ตรงกับ วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561 / วันเสาร์ แรม ๑๐ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีระกา
วันอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2562 ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562 / วันอาทิตย์ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีจอ
วันอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2563 ตรงกับ วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 / วันจันทร์ แรม ๒ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีกุน
วันอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2564 ตรงกับ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564 / วันพุธ แรม ๑๓ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีชวด
วันอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2565 ตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565 / วันพฤหัสบดี ขึ้น ๙ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีฉลู
วันอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2566 ตรงกับ วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 / วันศุกร์ แรม ๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีขาล
วันอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2567 ตรงกับ วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2567 / วันเสาร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีเถาะ
วันอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2568 ตรงกับ วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568 / วันจันทร์ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีมะโรง
ประวัติวันอาสารักษาดินแดน
ความจำเป็นที่จะต้องมีการฝึกอบรม และจัดตั้งหน่วยบังคับบัญชาเตรียมไว้ตั้งแต่เวลาปกติ เป็นหน้าที่ของประชาชนพลเมืองทุกคน ที่จะต้องร่วมมือช่วยเหลือและจะต้องได้รับการศึกษาอบรมเพื่อให้มีความรู้ในการที่จะป้องกันตนเองและประเทศชาติ ซึ่งจะเป็นการป้องกันประเทศชาติในสถานการณ์สงครามปัจจุบัน
กองอาสารักษาดินแดน (อส.) ซึ่งเป็นองค์กรที่ขึ้นตรงกับกระทรวงมหาดไทย และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บัญชาการ ซึ่งวันอาสารักษาดินแดน 10 กุมภาพันธ์ เกิดขึ้นจากการก่อตั้ง ของชาวบ้านซึ่งไม่ใช่กำลังทหารที่มักออกมารวมตัวกันต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินในยามเกิดศึกสงคราม
มีการ โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนากองเสือป่าขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2454 จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เพื่อให้เป็นกองพลอาสาสมัคร และอบรมข้าราชการ ประชาชนให้รู้จักรักชาติ รู้จักหน้าที่ในการป้องกันรักษาประเทศชาติ ซึ่งในสมัยก่อน มีประเทศไทยต้องเจอกับเหล่าศัตรู และการสงครามมาอย่างยาวนาน ทำให้ประชาชนผู้รักชาติ และแผ่นดิน ยอมพลีกาย ถวายชีวิตเพื่อรักษาผืนแผ่นดินไทยนี้ไว้ให้ลูกหลานสืบไป โดยไม่คิดถึงชีวิตตัวเอง แม้จะไม่ใช้ทหารก็ตาม
ในยุคสมัยที่ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี มีพระราชบัญญัติกำหนดหน้าที่คนไทยในเวลารบ พ.ศ.2481 และพระราชบัญญัติให้อำนาจในการเตรียมการป้องกันประเทศ พ.ศ.2484 โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าหน้าที่ดำเนินการ ฝึกอบรมคนไทยให้รู้จักหน้าที่ในการที่จะป้องกันรักษาประเทศชาติในเวลาสงคราม จากการที่พยายามจัดตั้งหน่วยพลเรือนอาสาให้เป็นระบบ โดยมีการนำแนวคิดจากต่างประเทศมาใช้
"วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ของทุกปี จึงเป็นวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน" เพราะมีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2497 เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2497 เนื่องจากการดำเนินการด้านพลเรือนอาสามีรูปแบบและระบบที่ชัดเจนขึ้น รวมทั้งมีการพัฒนามาตามลำดับจนถึงปัจจุบัน
กิจกรรมวันอาสารักษาดินแดน
เมื่อถึงวันอาสารักษาดินแดนของทุก ๆ ปี นอกจากการร่วมรำลึกถึงเหล่าผู้เสียสละที่จากไปแล้ว ทางกองอาสารักษาดินแดนในแต่ละจังหวัด จะมีการจัดกิจกรรมที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งการปกป้องประเทศชาติเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน แต่หากแต่ประชาชนทุกหมู่เหล่าไม่ได้รับการฝึกอบรมความรู้ ความสามารถ ก็จะไม่สามารถปกป้องประเทศชาติได้เท่าที่ควร การจัดกิจกรรมขึ้นในวันอาสารักษาดินแดนก็เพื่อ ร่วมรำลึกถึงเหล่า อส. ผู้เสียสละที่จากไปนั่นเอง
การร่วมพิธีชุมนุม
การร่วมพิธีชุมนุมของผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะทำกันทุกวันที่ 1o กุมภาพันธ์ ของทุกปี ซึ่ง นอกจากจะมีการชุมนุมแล้ว ยังมีพิธีการร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณ ของเหล่าผู้กล้า ที่สมัครใจรับใช้ชาติ ไม่ว่ายามสงบหรือยามสงครามนั่นเอง
รายงานผลการปฏิบัติงาน
เมื่อมีการประชุมหรือชุมนุม จะมีการนำเสนอการรายงานผลการปฏิบัติงานของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนด้านต่าง ๆ ในปีที่ผ่านมา ซึ่งจะมีการจัดงานในแต่ละจังหวัด โดยการรายงานผลการปฏิบัติงาน ที่ผ่านมาจะช่วยให้เห็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น และจำได้ปรึกษาหารือ เพื่อหาหนทางแก้ไขต่อไป
พิธีมอบประกาศนียบัตร
การมอบประกาศนียบัตรแก่กองร้อยอาสารักษาดินแดนที่มีผลงานดีเด่น ซึ่งจะมอบให้กับผู้ที่มีผลงานโดดเด่น และทำประโยชน์เพื่อสังคมโดยไม่คิดถึงประโยชน์ส่วนตัว ถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ เพื่อที่จะได้มีผู้ที่มีผลงานในปีต่อๆไป
มอบเงินทุนการศึกษาแก่บุตรสมาชิก
เพราะการเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดนนั้น ผู้ที่เข้าร่วม ล้วนแต่มีความสมัครใจ การมอบเงินหรือทุนการศึกษาให้กับบุตร สมาชิก ถือว่าเป็นการช่วยเหลืออีกหนึ่งทาง และเป็นผลตอบแทนที่เหล่าสมาชิกได้ช่วยกัน ดูแล ปกป้อง รักษาบ้านเมืองให้สงบ
นอกจากนี้ในวันอาสารักษาดินแดน ยังเปิดบริการให้ความรู้กับประชาชนในด้านต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงการสอดส่องดูแล เป็นหูเป็นตาแทน ซึ่งจะทำให้ทุกคนได้ร่วมกันช่วยปกป้องผืนแผ่นดินไทยด้วยกันนั่นเอง
บทบาทและหน้าที่ ของอาสารักษาดินแดน
กองอาสารักษาดินแดน (อส.) เป็นกองกำลังอาสาสมัครสำรองทั้งหญิงและชาย ไว้ช่วยเหลือประชาชนและประเทศชาติ ทั้งในยามปกติและยามศึกสงคราม ภายใต้สังกัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งพระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2497 ได้กำหนดบทบาทภารกิจของสมาชิก อส.ไว้ตามนี้
บรรเทาภัยที่เกิดจากธรรมชาติ
หน้าที่ของอาสารักษาดินแดน นอกจากจะช่วยสอดส่องดูแลความสงบ เรียบร้อยของชาติบ้านเมืองแล้ว ยังป้องกันการกระทำของข้าศึก และช่วยบรรเทาภัยที่เกิดจากธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งหากมีเหตุการณ์หรือภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น น้ำท่วม ไฟไหม้ การช่วยเหลือจึงเป็นไปตามหน้าที่และความรับผิดชอบ
รักษาความสงบ
กลุ่มอาสาสมัครจะทำหน้าที่ตำรวจรักษาความสงบภายในท้องที่ร่วมกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ซึ่งแม้จะไม่มีอำนาจเท่าเทียมเหมือนกับตำรวจ แต่ก็สามารถทำหน้าที่ ดูแล รักษาความสงบของบ้านเมืองได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังช่วยรักษาสถานที่สำคัญและ การคมนาคม เช่นอำนวยความสะดวกในเรื่องของการจราจร บนท้องถนนที่มีรถเข้าออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้การจราจรดีขึ้น ผู้ขับขี่รถยนต์ และคนเดินถนนปลอดภัยขึ้น
ป้องกันการจารกรรม รับฟังและรายงานข่าว
สมาชิก อส. สามารถเป็นกำลังสำรองส่วนหนึ่งที่พร้อมจะเพิ่มเติมและสนับสนุนกำลังทหารได้เมื่อจำเป็น ภารกิจในปัจจุบันที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งนอกจากจะช่วยเหลือตำรวจแล้ว ยังทำความช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่ ฝ่ายทหารตามที่ทหารต้องการและตัดทอนกำลังข้าศึกอีกด้วย
สมาชิก อส. ยังมีบทบาทหน้าที่ในด้านต่างๆ อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการบริการประชาชน การป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด การรักษาความสงบเรียบร้อย การป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และการส่งเสริมการท่องเที่ยว ฯลฯ
แนวทางสนับสนุนกิจกรรมวันอาสารักษาดินแดน
เพื่อระลึกถึงความกล้าหาญของหน่วยพลเรือนอาสา ผู้เสียสละเพื่อบ้านเมืองทั้งในภาวะปกติและภาวะสงคราม การได้สนับสนุน แนวทางการส่งเสริมให้มีอาสาสมัครเข้าร่วม เพื่อช่วยกันปกป้องและสอดส่องดูแลบ้านเมืองให้สงบสุข จะช่วยทำให้เหล่าอส. มีขวัญและกำลังใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือ
การจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือส่งเสริมการศึกษาแก่บุตร สมาชิกอส เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระขอครอบครัว และสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่สังกัดกรมการปกครอง
ให้ความร่วมมือ
เพราะเหล่าอาสาสมัครเหล่านี้ ต่างก็ได้รับการฝึกฝน ให้เตรียมพร้อมในการที่จะปกป้องบ้านเมืองทั้งในยามศึก และยามสงบ ซึ่งหลากหน้าที่ที่เหล่า อส.ได้ปฏิบัตินั้น ก็เพื่อส่วนรวมทั้งสิ้น การให้ความร่วมมือ และสนับสนุนในการทำกิจกรรมร่วมกันต่างๆ จะช่วยให้เกิดผลเร็วขึ้น
ให้ความช่วยเหลือ
การช่วยแจ้งเบาะแสให้กับกลุ่มอาสาสมัคร ก็ถือว่าเป็นการให้ความร่วมมือและความช่วยเหลือ กับตำรวจได้อีกหนึ่งทาง เวลาที่เกิดเหตุร้าย ซึ่งกลุ่ม อส. ก็จะเข้าช่วยแก้ไขในเบื้องต้นก่อนที่จะประสานงานกับทางตำรวจและหน่วยราชการอื่นๆ ต่อไป
คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้สมัครเป็น อส.
1. ต้องมีสัญชาติไทย ความรู้ไม่ต่ำกว่า ม.3 หรือเทียบเท่า
2. เป็นผู้ผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วหรือผู้สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3 ขึ้นไป และจะต้องมีอายุ 21-35 ปีบริบูรณ์
3. ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ร่างกายสมบูรณ์ ไม่เป็นภิกษุ สามเณร หรือนักบวช ไม่เป็นสมาชิกกองอาสากาชาด
4. ไม่เป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย หรือเป็นผู้ที่มีพฤติการณ์อันเป็นที่รังเกียจ ไม่เป็นคนเสเพลอันธพาล หรือเป็นผู้ติดยาเสพติด