วันสิ้นปี
พอช่วงปลายเดือนธันวาคมทีไร เชื่อว่าหลายคนคงจะเริ่มนับถอยหลังกันแล้วว่าเมื่อไหร่หนอจะเป็นวันสิ้นปีเสียที เพราะนอกจากจะได้เงินเดือนแล้ว ยังได้มีวันหยุดยาวๆข้ามไปถึงวันปีใหม่ด้วย บางคนก็เตรียมวางแผนเรื่องเที่ยวไว้เป็นเดือนๆ เพื่อจะได้มีที่พัก เพราะช่วงเทศกาลก็รู้ๆกันอยู่ว่า ที่พักตามแหล่งท่องเที่ยงที่สำคัญนั้น ส่วนใหญ่จะเต็ม หากไม่มีการจองล่วงหน้านอกจากจะรอวันสิ้นปีและรอวันปีใหม่แล้ว บางคนอาจจะถือเอาฤกษ์ปีใหม่ในช่วงต้นปี เปลี่ยนแปลงตัวเองอีกด้วย
ความหมายของวันสิ้นปี
วันสิ้นปี คือวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่จะมาเยือน และเป็นวันหยุดของทางราชการและเอกชนที่หยุดต่อเนื่องไปถึงวันปีใหม่ด้วย
วันสิ้นปีของไทย
ในประเทศไทยทางการได้กำหนดวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันหยุดราชการ เพื่อที่ค่ำคืนวันนี้จะประชาชนจะได้ฉลองและมีการจัดงานนับถอยหลังเพื่อก้าวเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ในเวลาเที่ยงคืน และจะมีการจุดพลุเพื่อเฉลิมฉลอง สำหรับวันสิ้นปีของประเทศไทย นอกจากจะเป็นวันหยุดของหน่วยงานราชการ ธนาคาร บริษัทต่าง ๆ แล้ว ก็ยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่นอกเหนือจากความบันเทิงแล้ว การสวดมนต์ข้ามปี เพื่อเป็นสิริมงคลในค่ำคืนแห่งคืนสุดท้ายของปียาวไปถึงวันปีใหม่นั้น ถือเป็นนิมิตหมายของการตั้งใจทำความดีของผู้ร่วมกิจกรรมอีกด้วย
วันสิ้นปีของต่างประเทศ
ไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น หากแต่ยังเป็นวันสิ้นปีทั่วโลกอีกด้วย จะมีการจัดงานเคาท์ดาวน์เพื่อเข้าสู่วันปีใหม่ในเวลาเที่ยงคืนตามเมืองใหญ่ทั่วโลกซึ่งเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน ในค่ำคืนของวันที่ 31 ธันวาคม ตามปฏิทินเกรกอเรียน โดยได้ดัดแปลงมาจากปฏิทินจูเลียน จากนั้นมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศตะวันตก เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2125 เป็นการประกาศใช้ครั้งแรกโดยสมเด็จพระสันตะปาปาเกรโกรีที่ 13 ซึ่งวันสิ้นปีของแต่ละประเทศ เวลาจะแตกต่างกัน แต่ละประเทศก็จะมีการเฉลิมฉลองเช่นกัน แต่สำหรับชาวญี่ปุ่น เชื่อว่าวันสิ้นปีจะมีเทพเจ้ามาเยือน ทุกคนจึงให้ความพิเศษในวันสำคัญนี้
วันที่ใช้จัดงานวันสิ้นปี
วันสิ้นปี จะตรงกับวันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี ซึ่งตามสถานที่ราชการ หรือสวนสาธารณะ มักจะจัดงาน แสง สี เสียง การจุดพลุเพื่อให้ประชาชนได้ร่วมเฉลิมฉลอง รวมถึงร้านอาหารต่างๆ และตามบ้านเรือน ที่จะมีการรวมญาติในวันสิ้นปีอีกด้วย
ปฏิทินวันสิ้นปี
วันสิ้นปี พ.ศ.2558 ตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2558 / วันพฤหัสบดี แรม ๖ ค่ำ เดือนอ้าย(๑) ปีมะแม
วันสิ้นปี พ.ศ.2559 ตรงกับ วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2559 / วันเสาร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือนยี่(๒) ปีวอก
วันสิ้นปี พ.ศ.2560 ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2560 / วันอาทิตย์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือนยี่(๒) ปีระกา
วันสิ้นปี พ.ศ.2561 ตรงกับ วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2561 / วันจันทร์ แรม ๙ ค่ำ เดือนอ้าย(๑) ปีจอ
วันสิ้นปี พ.ศ.2562 ตรงกับ วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2562 / วันอังคาร ขึ้น ๖ ค่ำ เดือนยี่(๒) ปีกุน
วันสิ้นปี พ.ศ.2563 ตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2563 / วันพฤหัสบดี แรม ๒ ค่ำ เดือนยี่(๒) ปีชวด
วันสิ้นปี พ.ศ.2564 ตรงกับ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2564 / วันศุกร์ แรม ๑๒ ค่ำ เดือนอ้าย(๑) ปีฉลู
วันสิ้นปี พ.ศ.2565 ตรงกับ วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2565 / วันเสาร์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือนยี่(๒) ปีขาล
วันสิ้นปี พ.ศ.2566 ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2566 / วันอาทิตย์ แรม ๔ ค่ำ เดือนอ้าย(๑) ปีเถาะ
วันสิ้นปี พ.ศ.2567 ตรงกับ วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2567 / วันอังคาร ขึ้น ๒ ค่ำ เดือนยี่(๒) ปีมะโรง
วันสิ้นปี พ.ศ.2568 ตรงกับ วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2568 / วันพุธ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือนยี่(๒) ปีมะเส็ง
ประวัติวันสิ้นปี
เดือนธันวาคม เป็นเดือนแห่งวันส่งท้ายปี ซึ่งวันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันสิ้นปีที่หลายๆ คนรอคอย เพื่อที่จะได้เริ่มเข้าสู่ปีใหม่ และอาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆ หลังจากที่เหนื่อยกันมาแรมปี การไดหยุดยาวในช่วงเทศกาลอย่างนี้ถือเป็นการชาร์จแบตให้กับตัวเองเพื่อเริ่มวันใหม่ ปีใหม่ ให้เป็นวันที่ดีอีกด้วย
ที่ปรากฏในศิลาจารึกว่า ในช่วงสมัย สุโขทัยเป็นราชธานี ได้นับปีตามปีมหาศักราชตาม ซึ่งประเทศไทยใช้ปฏิทินจันทรคติต่อมาในสมัยพญาลิไท สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ได้เปลี่ยนมาใช้จุลศักราช โดยใช้วันเถลิงศก เป็นวันขึ้นปีใหม่ แต่ก็ยังคงใช้ปฏิทินจันทรคติอยู่ แต่ในทางพระพุทธศาสนาคณะสงฆ์ยังนิยมใช้เทียบปีในรูปแบบพุทธศักราชอยู่ จนกระทั่งมีวันเปลี่ยนปีขึ้นจุลศักราชใหม่ตามปฏิทินสุริยคติแบบสุริยยาตรด้วยวันเถลิงศก ซึ่งตรงกับวันที่ 15 เมษายนในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ
ส่วนปีนักษัตรให้นับเปลี่ยนปีตามปฏิทินจันทรคติ คือใช้วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 แทน จากนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ เปลี่ยนจากปฏิทินจันทรคติมาใช้ปฏิทินสุริยคติแบบสากลตามปฏิทินเกรกอเรียนแทน ในปี พ.ศ.2431 ซึ่งถือเป็นปฏิทินสากล ที่ใช้กันเกือบทั่วโลก ในแต่ละเดือนจะมี 28-31 วันตามปฏิทินสากล ซึ่งมีทั้งหมด 12 เดือน ในหนึ่งปี
วันตามปฏิทินสากล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้กรมพระยาเทววงศ์วโรปการ ตั้งชื่อเดือน ซึ่งสมัยนั้นยังถือว่าเดือนเมษายน เป็นเดือนแรกของปี และเดือน มีนาคม คือเดือนสุดท้ายของปี และยังยังคงใช้ รัตนโกสินทรศกโดยใช้ 1 เมษายน ร.ศ.108 แทนที่ 1 เมษายน พ.ศ.2432
ต่อมา ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามได้มีการปรับเปลี่ยนปฏิทินอีกครั้ง เพราะมีการยกเลิกการใช้ปีรัตนโกสินทรศกที่ 131 จึงได้เปลี่ยนมาใช้ปีพุทธศักราช (พ.ศ) อย่างเป็นทางการ โดยปีพุทธศักราชแรกที่ใช้ คือ ปี พ.ศ.2456 เมื่อทำการปรับเปลี่ยนปฏิทิน จึงได้ปรับเปลี่ยนให้ วันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันสิ้นปี และวันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่และเป็นวันเริ่มต้นของปีแทนที่รูปแบบเดิม โดยวันขึ้นปีใหม่ในรูปแบบนี้เริ่มใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2484 จนถึงปัจจุบัน
กิจกรรมที่นิยมทำกันในวันสิ้นปี
วันสิ้นปี ไม่ใช่วันสิ้นสุด ไม่ใช่วันเริ่มต้น แต่เป็นการดำเนินชีวิตต่อไปของการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า สัญญาณที่บอกว่าเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นั่นก็คือเริ่มเข้าสู่เดือนธันวาคม นั่นเอง แม้หลายคนจะใจจดใจจ่อรอวันสิ้นปี และวันปีใหม่ เพราะไชจะได้หยุดยาวๆ หลังจากทำงานมาอย่างเต็มที่ตลอดปี ก็อาจจะถือโอกาสในช่วงเทศกาลสิ้นปีและปีใหม่นี้พักผ่อนและท่องเที่ยว รวมถึงกลับบ้านต่างจังหวัด
การทำบุญตักบาตร
การทำบุญตักบาตรซึ่งอาจจะตักบาตรที่บ้าน ที่วัดหรือตามสถานที่ต่างๆที่ทางราชการได้มีการประกาศเชิญชวนให้ไปร่วมทำบุญทำบุญตักบาตรโดยอาจนิมนต์มาพระมาจากหลายๆ ที่จำนวนมาก เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสทำบุญ หรือทำกุศลอื่นๆ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ญาติและผู้มีพระคุณที่ล่วงลับไปแล้ว หรือการไปวัดเพื่อทำบุญ ถือศีล ปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา ฯลฯ เพื่อให้จิตใจสดชื่น นอกจากนี้อาจทำทานด้วยการปล่อยนก ปล่อยปลา ก็ได้เช่นกัน
ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด
ก่อนวันขึ้นเทศกาลปีใหม่ ชาวบ้านส่วนใหญ่จะทำการปัดกวาดบ้านเรือนของตัวเองให้สะอาด รอบๆบริเวณบ้าน พรอมกับทำการตกแต่งบ้านเรือนให้สวยงาม หรืออาจจะเปลี่ยนมุมบ้านใหม่ ทาสีบ้านใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคล รวมถึงการประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนอีกด้วย
เข้าร่วมพิธีเคาท์ดาว (countdown)
เรียกว่าค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปีประชาชนในประเทศไทย จะร่วมทำกิจกรรมการนับถอยหลังส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ตามสถานที่ต่างๆ ที่ถูกจัดขึ้นทั่วประเทศ ในกรุงเทพ ฯ ที่จัดงานเป็นประจำทุกปีก็คือ ที่ท้องสนามหลวง ย่านถนนราชประสงค์ , ถนนสีลม, เอเชียทีค , ตามศูนย์การค้าต่างๆ ฯลฯ เป็นการจัดเทศกาลเฉลิมฉลองความสุข ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ บางที่จะการแสดงแสงไฟอันยิ่งใหญ่ตระการตา เนรมิตอาณาจักรแสงไฟ ให้สว่างไสวงดงาม พร้อมชมแสง สี เสียง ที่จะมีคอนเสิร์ต ของเหล่าดารา ศิลปิน นักร้อง ที่จะร่วมให้ความบันเทิงและนับถอยหลังไปพร้อมๆกัน ซึ่งในต่างจังหวัด แม้จะไม่ยิ่งใหญ่มาก แต่ก็มีการจัดงาน เพื่อให้ประชาชนได้ฉลองวันปีใหม่ เป็นคืนที่จะเห็นพลุเต็มท้องฟ้ามากที่สุดเลยทีเดียว
สวดมนต์ข้ามปี
ที่ท้องสนามหลวง ที่วัดพระธรรมกาย และตามสถานที่ศาสนาอื่นๆ ที่มักจะจัดพิธีสวดมนต์ข้ามปี โดยจะนุ่งขาวห่มขาว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ พิธีสวดมนต์ข้ามปีกลายเป็นวิวัฒนาการของประเพณีไทยในสมัยหนึ่ง ถือว่าเป็นการส่งเสริมประเทศชาติให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข เป็น
ข้อควรระวังและสิ่งที่ไม่ควรกระทำในวันสิ้นปี
เพราะสิ้นปี หรือวันส่งท้ายปีเก่า ที่หลายคนเฝ้ารอคอย ที่จะได้เริ่มทำอะไรใหม่ๆ เพื่อตัวเองและครอบครัว หรือประเทศชาติ เป็น เทศกาลที่มีวันหยุดยาว ทำให้คนที่มาทำงานต่างถิ่น มุ่งหน้ากลับบ้านเพื่อรวมญาติ สร้างความอบอุ่นอย่างพร้อมหน้าอีกครั้ง เพราะวันสิ้นปีเป็นวันสุดท้ายของปี จึงมีกิจกรรมหลายอย่างที่ควรทำและไม่ควรทำ เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเอง ซึ่งข้อควรระวังในวันสิ้นปีหรือสิ่งที่ไม่ควรทำมีหลายอย่างที่จะต้องใช้สติอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดสิ่งดีๆกับตัวคุณเอง
เมาไม่ขับ
เพราะช่วงเทศกาลสิ้นปี ก่อนจะเข้าสู่ปีใหม่ ทำให้หลายๆ คนต่างพากันฉลองแบบข้ามวันข้ามคืน บางคนอาจจะดื่มสุราขณะขับรถ หรือยังเกิดอาการแฮงค์อยู่ ทำให้อาจจะเกิดอาการขาดสติรวมถึงความประมาทในการขับรถ ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเดินทาง ตั้งสติก่อนสตาร์ทจะทำคุณปลอดภัย
เมาอาละวาด
ยิ่งเป็นวันส่งท้ายปีอย่างนี้ หลายคนที่ฉลองกันตั้งแต่เย็นวันสิ้นปี ยาวไปถึงปีใหม่ ยิ่งเหล้าเข้าปาก ยิ่งอาจทำให้ขาดสติ การดื่มเหล้ามากเกินไปจนเกิดอาการเมา อาจทำให้พูดจาไม่รู้เรื่อง เมื่อใครพูดไม่เข้าหูหรือไม่ถูกใจ อาจทำให้อาละวาด และเป็นบ่อเกิดแห่งการทะเลาะอีกด้วย
เล่นการพนัน
กิจกรรมดีๆ อย่างสวดมนต์ข้ามปีก็มี แต่อาจจะไม่ยอมทำ เพราะคิดว่าการฉลองด้วยเหล้าเข้าปาก สนุกกว่าเป็นไหนๆ ยิ่งได้ข้องเกี่ยวครบเซ็ทอบายมุข ทั้งเหล้า บุหรี่ กัญชา และการพนัน นอจากจะหมดตัวแล้ว ยังเป็นสิ่งที่ไม่ดี ตอนรับปีอีกด้วย แม้จะบอกว่านานๆครั้ง แต่การที่กระหน่ำอบายมุขทุกประเภทขนาดนี้อาจทำให้ชีวีหายนะก่อนเริ่มต้นปีได้
ทำชั่วรับต้นปี
เหล่าบรรดาโจรที่ยังคงแฝงตัวมาตามเทศกาลสำคัญๆ เช่นนี้ ในขณะที่หลายๆคนกำลังสนุก แต่ก็มีอีกหลายๆ คนที่อาจจะเป็นทุกข์ และมีอาจจะมีอีกหลายๆคนที่คิดทำชั่วในค่ำคืนวันสิ้นปีแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นการ โจรกรรมบ้านที่ไม่มีคนอยู่ การขโมยสิ่งของ ตามสถานที่จัดงานบันเทิง หรือแม้แต่การด่าทอบุพการี ต่างล้วนแล้วแต่เป็นการทำชั่วที่ไม่น่าเกิดขึ้นในวันดีๆ และวันอื่นๆด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะเป็นวันสิ้นปีหรือวันไหนๆ หากแต่การที่ได้ทำสิ่งที่เห็นว่าถูกต้อง และเป็นสิ่งดีๆ ก็ไม่ควรปล่อยให้โอกาสผ่านไป ดีกว่านั่งหายใจไปวันๆ แล้วไม่ทำให้เกิดผลอะไรเลย
แนวทางการส่งเสริมวันสิ้นปี
เพื่อให้ประเพณีวันสิ้นปี และก่อนวันปีใหม่ ได้อยู่คู่กับคนไทยไปตลอดชั่วลูกชั่วหลาน การส่งเสริมประเพณีไทยๆ ถือเป็นสิ่งที่ดีที่น่าจะมีการสืบทอดประเพณีนี้ให้คงอยู่ต่อไป
สวดมนต์ข้ามปี
สำหรับการสวดมนต์ข้ามปี เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่มีการปฏิบัติจนกลายเป็นธรรมเนียมของทุกปีๆไปแล้ว และเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย ๆ ทำให้จิตใจสงบและดีต่อสุขภาพกายและจิตอีก ช่วยให้จิตเป็นสมาธิ ผู้สวดต้องสำรวมใจแน่วแน่ มิฉะนั้นจะสวดผิดท่อนผิดทำนอง เมื่อจิตเป็นสมาธิความสงบเยือกเย็นในจิตจะเกิดขึ้น เป็นการตัดความเห็นแก่ตัว เพราะในขณะนั้นอารมณ์จะไปหน่วงอยู่ที่การสวดมนต์อย่างตั้งใจ ไม่ได้คิดถึงตัวเอง ความโลภ โกรธ หลง ถือเป็นสิริมงคล แก่ชีวิต
กระตุ้นให้เกิดจิตสำนึก
การกระตุ้นให้รู้จักอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณี ด้วยการปลุกจิตสำนึกให้ทุกคนตระหนักถึงคุณค่า และความสำคัญของวันสำคัญ ด้วยการสนับสนุนการจัดกิจกรรมตามประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ การทำบุญตักบาตร และสร้างจิตสำนึกของความเป็นคนท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อร่วมกันอนุรักษ์ภูมิปัญญาที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย เพื่อให้เด็กรุ่นหลังได้ยึดถือและปฏิบัติ เพื่อสืบทอดประเพณีนี้สืบไป
ส่งเสริมประเพณีไทย
วันสิ้นปีและวันปีใหม่ที่มักจะมีกิจกรรมมากมาย ทั้งตักบาตร ทำบุญ และปล่อยนก ปล่อยปลา หรือ ปล่อยเต่า รวมถึงการเข้าวัดฟังธรรม ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมประเพณีไทยๆ ให้คงอยู่คู่กับชาวไทยไปตลอด การปลูกฝังลูกหลานตั้งแต่เด็กๆ จะเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้รุ่นลูกๆตัวน้อย ได้ทำการเรียนรู้ เข้าใจ และสัมผัสกับสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะทำให้เป็นการยึดถือและจะนำไปปฏิบัติในอนาคต และยังคงอยู่คู่ชาวไทยต่อไป
ทำความดีร่วมกัน
วันสิ้นปีอาจจะมีหลายบ้านที่มักจะทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน อย่างการล้างบ้าน ปัดกวาด เช็ดถู การได้ให้ลูกหลานเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ จะช่วยทำให้มีการปลูกฝังสิ่งดีๆ เมื่อได้ทำเป็นประจำก็จะเกิดความเคยชินกับกิจกรรมที่ดีๆ พวกเขาเหล่านั้น สึกภาคภูมิใจในการได้อนุรักษ์ประเพณี รวมถึงการทำดีเพื่อสังคม ทำดีเพื่อในหลวง และทำกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
หลายคนที่ต่างเฝ้ารอมาเป็นปีๆ เพื่อที่จะเริ่มต้นและทำสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในรอบปีต่อๆไป ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ การได้ทำอะไรดีๆ ก่อนเริ่มต้นสู่ปีใหม่เพื่อให้ชีวิตและจิตใจที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงการอนุรักษ์ประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม ที่จะทำให้ลูกหลานได้ช่วยกันสืบสานต่อไป