วันน้ำของโลก
เพราะน้ำมีความจำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ ทำให้น้ำมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะใช้ในเรื่องการอุปโภคและบริโภค เพียงแค่เราขาดน้ำไปหนึ่งวัน ความกระหายและความทรมานก็บังเกิดขึ้น และทำให้นึกถึงประเทศที่แห้งแล้ง ทำให้ยิ่งคิดว่า หากไม่มีน้ำเพียงวันเดียว เราจะอยู่ได้หรือไม่ เพียงแค่นี้ก็ยิ่งเห็นความสำคัญของน้ำเข้าไปใหญ่ แต่กระนั้นผู้คนมากมายก็ยังคงใช้น้ำแบบไม่กลัวจะหมดไปจากโลกกันเลยทีเดียว
ที่มาของวันน้ำโลก
แต่ละปีจะมีหน่วยงาน ในสังกัดองค์การสหประชาชาติรับผิดชอบในการร่วมจัดงาน ซึ่งในปี 2007 นี้ องค์การอาหารและการเกษตรโลก และองค์การสหประชาชาติ หรือ โครงการน้ำเพื่อชีวิต เป็นผู้จัดร่วม ในหัวข้องาน ว่า Coping with Water Scarcity
วันน้ำโลกของประเทศไทย
เนื่องในวันน้ำโลก ประชาชนคนไทยก็หวังที่จะได้เห็นแหล่งน้ำต่างๆ ได้รับการปกป้อง ได้เห็นแหล่งน้ำสะอาดอยู่ในทุกๆ ที่ และได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำที่เต็มไปด้วยอาหาร และสามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำอย่างเต็มที่ แม้ความหวังเหล่านี้จะดูเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถเป็นจริง แต่ถ้าทุกคนมีความหวังและช่วยกันแก้ไขปรับปรุง สิ่งดังกล่าวก็สามารถจะบรรลุผลเกิดขึ้นได้ไม่ยาก
ความมั่นคงทางอาหารยังไม่ได้จำกัดแค่ภาคการผลิตจากการเกษตร แต่ยังรวมถึงและยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุด คือ อาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ หรือความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งคือความมั่นคงและมั่งคั่งที่แท้จริง สำหรับประเทศไทย อาหารตามธรรมชาติเหลืออยู่น้อยลงทุกที ทั้งด้วยการเปลี่ยนแปลงการใช้พื้นที่จากแหล่งอาหารหรือพื้นที่เพาะปลูกและป่าไม้ กลายเป็นที่ปลูกสร้างหรือพื้นที่เมือง ปัญหาป่าต้นน้ำถูกทำลายและพื้นที่ป่าลดลงก็กำลังเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะเป็นสิ่งผิดกฎหมายก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อทั้งแหล่งอาหารและแหล่งน้ำ ซึ่งแหล่งน้ำที่สำคัญ เช่น แม่น้ำ ลำคลอง
วันน้ำโลกของต่างประเทศ
เพื่อระลึกถึงความสำคัญของน้ำ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลก อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในหมู่มวลมนุษยชาติ ในเรื่องการอนุรักษ์น้ำ และการพัฒนาแหล่งน้ำ ตลอดจนดำเนินการตามข้อเสนอแนะของที่ประชุมสหประชาชาติปี ที่ว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา จัดโดยองค์การน้ำแห่งสหประชาชาติ ดังนั้น ในปี ค.ศ.1992 สมัชชาสหประชาชาติ ได้ประกาศให้วันที่ 22 มีนาคม ของทุกปีเป็น "วันน้ำโลก" เนื่องจากองค์การสหประชาชาติได้ตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และอาจก่อให้เกิดปัญหาการแย่งชิงน้ำขึ้นได้ในอนาคต
วันที่ใช้จัดกิจกรรมวันน้ำโลก
วันที่ 22 มีนาคม ของทุกปีเป็น "วันน้ำโลก"
ปฏิทินวันน้ำของโลก
วันน้ำของโลก พ.ศ.2558 ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2558 / วันอาทิตย์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือนห้า(๕) ปีมะแม
วันน้ำของโลก พ.ศ.2559 ตรงกับ วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2559 / วันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีมะแม
วันน้ำของโลก พ.ศ.2560 ตรงกับ วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2560 / วันพุธ แรม ๑๐ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีวอก
วันน้ำของโลก พ.ศ.2561 ตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2561 / วันพฤหัสบดี ขึ้น ๖ ค่ำ เดือนห้า(๕) ปีจอ
วันน้ำของโลก พ.ศ.2562 ตรงกับ วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2562 / วันศุกร์ แรม ๒ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีจอ
วันน้ำของโลก พ.ศ.2563 ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2563 / วันอาทิตย์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีกุน
วันน้ำของโลก พ.ศ.2564 ตรงกับ วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2564 / วันจันทร์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือนห้า(๕) ปีฉลู
วันน้ำของโลก พ.ศ.2565 ตรงกับ วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2565 / วันอังคาร แรม ๕ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีฉลู
วันน้ำของโลก พ.ศ.2566 ตรงกับ วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2566 / วันพุธ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือนห้า(๕) ปีเถาะ
วันน้ำของโลก พ.ศ.2567 ตรงกับ วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2567 / วันศุกร์ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีเถาะ
วันน้ำของโลก พ.ศ.2568 ตรงกับ วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2568 / วันเสาร์ แรม ๙ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีมะโรง
ประวัติวันน้ำโลก
โดยวันที่ 22 มีนาคมของทุกปีเป็นวัน World Water Day หรือ วันอนุรักษ์น้ำโลก ซึ่วถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของมวลมนุษยชาติเลยทีเดียว เพราะมนุษย์เราต้องใช้ทรัพยากรนี้ในการดำรงชีวิต ทรัพยากรที่ว่านี้ก็คือ "น้ำ" นั่นเอง วันอนุรักษ์น้ำโลก มีจุดเริ่มต้นจากการประชุมเรื่องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิลในวันที่ 22 มีนาคมปี 1992 ที่มีเนื้อหาสำคัญโดยตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรน้ำของมนุษย์ จึงมีแนวคิดที่จะจัดกิจกรรมที่จะเป็นแผนแม่บทให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้เฝ้าระวังทรัพยากรน้ำในประเทศนั้น ๆ และในวันนั้นเองสมัชชาทั่วไปแห่งสหประชาชาติก็ได้ออกประกาศให้วันที่ 22 มีนาคมของทุกปีเป็นวัน World Water Day หรือ วันอนุรักษ์น้ำโลก
เพื่อระลึกถึงความสำคัญของน้ำ เพราะน้ำเป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลก อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในหมู่มวลมนุษยชาติในเรื่องการอนุรักษ์น้ำ ช่วยกันดูแล บำรุงรักษา การพัฒนาแหล่งน้ำ และจัดการทรัพยากรน้ำจืดอย่างยั่งยืนสำหรับอนาคต จากการที่น้ำจืดของโลกขาดแคลนมากขึ้น ในปี พ.ศ.2535 สมัชชาสหประชาชาติ ได้ประกาศให้วันที่ 22 มีนาคม ของทุกปีเป็น "วันน้ำของโลก" หรือ "World Day for Water" โดยเริ่มต้นในปี 2536 เป็นปีแรก และชักชวนให้ประเทศต่างรับเป็นวันสิ่งแวดล้อมของชาติ
การเรียกร้องให้ประชาคมโลกใช้น้ำอย่างรับผิดชอบ เพื่อให้คนจนและคนรวยได้รับน้ำอย่างเท่าเทียมกัน ในราคาที่หาซื้อได้ และว่าสิ่งท้าทายของมนุษยชาติก็คือ การจัดกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์น้ำ คุณภาพของน้ำ และปริมาณน้ำนอกจากนี้จะต้องมีการสร้างจิตสำนึกให้เกิดขึ้นทั่วโลกว่า น้ำเป็นสิ่งสำคัญ และมีบทบาทในการพัฒนาที่ยั่งยืน ดังนั้นชาวโลกต้องยกระดับความรู้ในเรื่องการหมุนเวียนนำน้ำมาใช้ใหม่ และการเพิ่มสมรรถวิสัยต่อการจัดการทรัพยากรน้ำที่หายากนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้ จะบรรลุผลได้ด้วยการดึงสติปัญญาของมนุษย์ออกมมาใช้ และส่งเสริมวัฒนธรรมการอนุรักษ์น้ำ
กิจกรรมวันน้ำโลก
การกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในหมู่มวลมนุษยชาติในเรื่องการอนุรักษ์น้ำ และการพัฒนาแหล่งน้ำ ในวันน้ำโลกประชาชนคนไทยก็หวังที่จะได้เห็นแหล่งน้ำต่าง ๆ ได้รับการปกป้อง ได้เห็นแหล่งน้ำสะอาดอยู่ในทุก ๆ ที่ และได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำที่เต็มไปด้วยอาหาร และสามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำอย่างเต็มที่ องค์การสหประชาชาติได้กำหนดนโยบายการจัดการแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน
จัดการพื้นที่
การจัดการให้พื้นที่ที่มีความต้องการใช้น้ำมากที่แตกต่างกันได้มีโอกาสใช้น้ำอย่างเท่าเทียมกัน ไม่จำกัดว่า ที่ใดต้องการน้ำมาก ที่ใดต้องการน้ำน้อย ควรจัดการแบ่งน้ำให้เสมอภาคกัน
อนุรักษ์แหล่งน้ำ
การจัดกิจกรรมต่างๆ ด้วยการการอนุรักษ์แหล่งน้ำ และพัฒนาแหล่งน้ำให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ และไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อแหล่งน้ำ จะทำให้ประชาชนได้มีน้ำที่ใสสะอาดไว้ใช้อุปโภคและบริโภคโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย
การควบคุมดูแล
การควบคุมดูแลการใช้น้ำจากแหล่งต้นน้ำให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพและปริมาณการใช้น้ำของแหล่งปลายน้ำ รวมถึงการจัดการกับปัจจัยอื่นๆ โดยดูแลปัจจัยต่างๆ ที่อาจจะมีผลกระทบต่อแหล่งน้ำ และการจัดการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามความเหมาะสม
จัดนิทรรศการเกี่ยวกับน้ำ
การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับ ประโยชน์ของน้ำ และจัดหัวข้อสัมมนา เมื่อน้ำหมดไป จะอยู่ได้อย่างไร ซึ่งจะทำให้ประชาชน ได้เห็นถึง ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น หากมีการใช้น้ำอย่างไม่ประหยัด รวมถึงการแนะนำเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการประหยัดน้ำให้ชาวบ้าน และเยาวชน นักเรียน นักศึกษาได้รับรู้ ว่าผลที่อาจเกิดขึ้น เมื่อใช้น้ำอย่างสิ้นเปลือง
สิ่งที่ควรทำต่อวันน้ำโลก
เพื่อระลึกถึงความสำคัญของน้ำ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลก อีกทั้งยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในหมู่มวลมนุษยชาติ ในเรื่องการอนุรักษ์น้ำอีกด้วย
การอาบน้ำ
การใช้ฝักบัวจะสิ้นเปลืองน้ำน้อยที่สุด รูฝักบัว ยิ่งเล็ก ยิ่งประหยัดน้ำและหากใช้อ่างอาบน้ำจะใช้น้ำถึง 110-200 ลิตร
การล้างมือ
ใช้สบู่เหลวแทนสบู่ก้อนเวลาล้างมือ เพราะการใช้สบู่ก้อนล้างมือจะใช้เวลามากกว่าการใช้สบู่เหลว และการใช้สบู่เหลวที่ไม่เข้มข้น จะใช้น้ำน้อยกว่าการล้างมือด้วยสบู่เหลวเข้มข้น
การแปรงฟันและการโกนหนวด
การใช้น้ำบ้วนปากและแปรงฟันโดยใช้แก้ว จะใช้น้ำน้อยกว่าการปล่อยให้น้ำไหลจากก๊อกตลอด ส่วนการโกนหนวด ให้ใช้กระดาษเช็ดก่อน จึงใช้น้ำ จากแก้วมาล้างอีกครั้ง แล้วล้างมีดโกนหนวดโดยการ จุ่มล้างในแก้ว จะประหยัดกว่าล้างโดยตรงจากก๊อกการใช้ชักโครกการใช้ชักโครกจะใช้น้ำมาก และเพื่อการประหยัด โถส้วมแบบตักราดจะสิ้นเปลืองน้ำน้อยกว่าแบบชักโครกหลายเท่า ตรวจสอบชักโครกว่ามีจุดรั่วซึม และไม่ใช้ชักโครกเป็นที่ทิ้งเศษอาหาร กระดาษ สารเคมีทุกชนิดเพราะจะทำให้สูญเสียน้ำจากการชักโครก เพื่อไล่สิ่งของลงท่อ
การซักผ้า และล้างจาน
ขณะทำการซักผ้าไม่ควรเปิดน้ำทิ้งไว้ตลอดเวลา ควรรวบรวมผ้าให้ได้ มากพอต่อการซักแต่ละครั้ง ทั้งการซักด้วยมือและเครื่องซักผ้า ส่วนจานควรใช้ผ้าเช็ดคราบสกปรกออกก่อน แล้วล้างพร้อมกันในอ่างน้ำจะประหยัดเวลาประหยัดน้ำ และให้ความสะอาดมากกว่าล้างจากก๊อกโดยตรง ไม่ปล่อย ให้น้ำไหลทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะจะเป็นการประหยัด ค่าน้ำได้มาก ซึ่งผู้ใช้น้ำส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมการใช้น้ำฟุ่มเฟือย ควรเปลี่ยน วิธีการใช้น้ำตามความเคยชิน มาเป็นการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า
แนวทางการส่งเสริมวันน้ำโลก
แม้ประเทศไทยจะไม่ใช่ประเทศที่ขาดแคลนอาหาร แต่ยังเป็นประเทศที่ผลิตอาหารและส่งออกเป็นอันดับสำคัญของโลก และยังต้องใช้น้ำเป็นทรัพยากรพื้นฐานซึ่งไม่เพียงแค่สำหรับอุปโภค บริโภคโดยตรง แต่ยังเป็นทรัพยากรพื้นฐานสำหรับการผลิตทั้งเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม
นโยบายการจัดการแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญและปัญหาการขาดแคลนน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค เพื่อเพิ่มพื้นที่อนุรักษ์น้ำในรูปแบบต่างๆ และกระตุ้นให้รัฐบาลของแต่ละประเทศและหน่วยงานเอกชนได้ตระหนักและมีส่วนร่วมในการดำเนินงานเพื่ออนุรักษ์น้ำให้มากขึ้น
ใช้น้ำอย่างประหยัด
การใช้อุปกรณ์ประหยัดน้ำ เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำ อย่าเปิดน้ำทิ้ง โดยเปล่าประโยชน์ ใช้เท่าที่จำเป็น ตรวจสอบท่อน้ำรั่วภายในบ้าน ด้วยการปิดก๊อกน้ำทุกตัว แล้วจดมิเตอร์ก่อนและหลังฉีดก๊อกน้ำ ลดความถี่ในการล้างรถใช้ถังน้ำ และฟองน้ำในการล้างรถแทนสายยาง เชื่อไหมว่าสามารถประหยัดน้ำได้ถึง 4 เท่า
น้ำจืดที่มีคุณภาพดีจะกลายเป็นทรัพยากรที่ขาดแคลนในอนาคต ผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศส่งผลให้เกิดความแปรปรวนของฤดูกาล ในบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักและในบางพื้นที่อาจเกิดความแห้งแล้ง การวางแผนเกี่ยวกับการจัดการน้ำในหลายๆพื้นที่อาจไม่เหมือนในอดีต เนื่องจากมีประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นการใช้น้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจะเป็นทางหนึ่งที่จะทำให้น้ำต้นทุนมีพอเพียงที่จะใช้อย่างยั่งยืน
(1) การอาบน้ำการใช้ฝักบัวจะสิ้นเปลืองน้ำน้อยที่สุด รูฝักบัว ยิ่งเล็ก ยิ่งประหยัดน้ำและหากใช้อ่างอาบน้ำจะใช้น้ำถึง 110-200 ลิตร
(2) การโกนหนวด โกนหนวดแล้วใช้กระดาษเช็ดก่อน จึงใช้น้ำ จากแก้วมาล้างอีกครั้งล้างมีดโกนหนวดโดยการ จุ่มล้างในแก้ว จะประหยัดกว่าล้างโดยตรงจากก๊อก
(3) การแปรงฟัน การใช้น้ำบ้วนปากและแปรงฟันโดยใช้แก้ว จะใช้น้ำเพียง 0.5–1 ลิตรการปล่อยให้น้ำไหล จากก๊อกตลอดการ แปรงฟัน จะใช้น้ำถึง 20–30 ลิตรต่อครั้ง
(4) การใช้ชักโครก การใช้ชักโครกจะใช้น้ำถึง 8–12 ลิตร ต่อครั้ง เพื่อการประหยัด ควรใช้ถุงบรรจุน้ำมาใส่ในโถน้ำ เพื่อลดการใช้น้ำ โถส้วมแบบตักราดจะสิ้นเปลืองน้ำน้อยกว่าแบบชักโครกหลายเท่า หากใช้ชักโครก ควรติดตั้งโถปัสสาวะและโถส้วมแยกจากกัน
(5) การซักผ้า ขณะทำการซักผ้าไม่ควรเปิดน้ำทิ้งไว้ตลอดเวลา จะเสียน้ำถึง 9 ลิตร/นาที ควรรวบรวมผ้าให้ได้ มากพอต่อการซักแต่ละครั้ง ทั้งการซักด้วยมือและเครื่องซักผ้า
(6) การล้างถ้วยชามภาชนะ ใช้กระดาษเช็ดคราบสกปรก ออกก่อน แล้วล้างพร้อมกันในอ่างน้ำ จะประหยัดเวลาประหยัดน้ำ และให้ความสะอาดมากกว่าล้างจากก๊อกโดยตรง ซึ่งจะสิ้นเปลืองน้ำ 9 ลิตร/นาที
(7) การล้างผักผลไม้ ใช้ภาชนะรองน้ำเท่าที่จำเป็น ล้างผัก ผลไม้ ได้สะอาดและประหยัดกว่าเปิดล้างจากก๊อกโดยตรง ถ้าเป็น ภาชนะที่ยกย้ายได้ ยังนำน้ำไปรดต้นไม้ได้ด้วย
(8) การเช็ดพื้น ควรใช้ภาชนะรองน้ำและซักล้างอุปกรณ์ใน ภาชนะก่อนที่จะนำไปเช็ดถู จะใช้น้ำน้อยกว่า การใช้สายยางฉีดล้างทำ ความสะอาดพื้นโดยตรง
(9) การรดน้ำต้นไม้ ควรใช้ฝักบัวรดน้ำต้นไม้แทนการใช้ สายยางต่อจากก๊อกน้ำโดยตรง หากเป็นพื้นที่บริเวณกว้าง ก็ควรใช้ สปริงเกลอร์ หรือใช้น้ำที่เหลือจากกิจกรรมอื่นมารดต้นไม้ ก็จะช่วย ประหยัดน้ำลงได้
(10) การล้างรถ ควรรองน้ำใส่ภาชนะ เช่น ถังน้ำ แล้วใช้ผ้าหรือ เครื่องมือล้างรถจุ่มน้ำลงในถัง เพื่อเช็ดทำความสะอาดแทนการ ใช้สายยางฉีดน้ำโดยตรง ซึ่งจะเสียน้ำเป็นปริมาณมากถึง 150-200 ลิตร/ครั้ง หากสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นการใช้น้ำที่ควรใช้จริง อย่างถูกวิธี ไม่เปิดน้ำทิ้งระหว่างการใช้น้ำหรือปล่อยให้น้ำล้น จะ สามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 20-50 % ทีเดียว